น้ำมันมะกอก (Olive Oil)

INCI Name: Olea Europeae (Olive) Fruit Oil

อย่างที่รู้กันว่าน้ำมันมะกอกได้ถูกนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันโดยเฉพาะนำมาใช้เกี่ยวกับทางด้านความงามนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางเนื่องจากน้ำมันมะกอกมีกรดไขมัน (กรดโอเลอิก หรือ โอเมก้า 9) ที่ช่วยให้ผิวเรียบเนียน นุ่ม ลื่น น่าสัมผัส นอกจากนี้น้ำมันมะกอกยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระคือ Tocopherol สูงถึง 200 mg/kg รวมถึงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น carotenoids,

squalene, phytosterols, chlorophyll และสารประกอบฟีนอล ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง และยังมีเบตาแคโรทีน รูทีน ที่เป็นสารสีเหลือง จะเห็นได้ได้ว่าน้ำมันมะกอกนั้นมีสีเหลือง เนื่องจากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้อยู่ ซึ่งการที่มีสารต้ารอนุมูลอิสระหลายตัว จะช่วยให้ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอนุมูลอิสระนี้ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

น้ำมันมะกอกนั้นไม่ได้แค่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงและหลายชนิดน้ำมันมะกอกยังมีสาร squalene, beta-sitosterol, optimum fatty acids ที่สามารถปกป้องผิวหนังของเราจากมลภาวะต่างๆได้ รวมถึงยังมีส่วนช่วยให้ผิวของเรานุ่มขึ้นได้อีกด้วย และน้ำมันมะกอกยังสามารถช่วยกระตุ้นเอนไซม์ P53 ซึ่งเอนไซม์ตัวนี้จะสามารถช่วยปกป้องและช่วยฟื้นบำรุงผิวหลังจากการโดดแดด ช่วยลดอาการผิวแสบไหม้ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้น้ำมันมะกอกนั้นยังมีประสิทธิภาพในการบำรุงเส้นผมทำให้ผมดูมีสุขภาพดีไม่แห้งเสียได้อีกด้วย

จากที่กล่าวมาจึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่น้ำมันมะกอกจะเป็นที่นิยมใช้เนื่องจากสรรพคุณและคุณประโยชน์ที่มากมายและยังอุดมไปด้วยสารที่สำคัญที่จะช่วยทำให้ผิวดูมีสุขภาพดีชุ่มชื่นเรียบเนียนแลดูอ่อนเยาว์ช่วยลดการอักเสบบางชนิดของผิวหนังชนิดได้และที่สำคัญอุเมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังได้

ส่วนประกอบของกรดไขมัน

56-85% Oleic

3.5-20 Linoleic

7.5-20% Palmitic

0.5-5%  Stearic