น้ำมันกระเทียม (Garlic oil)

ต้นกระเทียม

กระเทียมเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Allium sativum L. นิยมถูกนำมาใช้ในการปรุงอาหารคาวต่าง ๆ เนื่องจากมีกลิ่นหอมฉุนเฉพาะตัวและมีรสเผ็ดร้อน โดยเฉพาะเมนูผัดและทอด นอกจากนำมาใช้ในการปรุงอาหารแล้ว กระเทียมยังเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ป้องกันโรคหัวใจ และใช้รักษาแผลสดหรือแผลเรื้อรังได้อีกด้วย

กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกสูงประมาณ 30 – 60 เซนติเมตร หัวใต้ดินมีกลิ่นฉุนและมีลักษณะกลมแป้น มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 – 4 เซนติเมตร ภายในหัวแบ่งเป็นกลีบย่อย ๆ ประมาณ 6 – 10 กลีบ ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว โผล่ขึ้นเหนือดิน ซ้อนและสลับกัน กว้างประมาณ 0.5 – 3.5 เซนติเมตร ส่วนลำต้นลดรูปจนมีขนาดเล็กมากไม่สามารถสังเกตได้

น้ำมันกระเทียม (Garlic oil)

มีงานวิจัยหลายฉบับพบว่า ในน้ำมันกระเทียมมีสารประกอบที่มีประโยชน์หลากหลายชนิด ได้แก่

• สารประกอบซัลเฟอร์ต่าง ๆ รวมถึง อัลลิซิน (Allicin) และ S-allylmercaptocystein
• กรดอะมิโนและไกลโคไซด์
• เอนไซม์นานาชนิด เช่น เอนไซม์อัลลิเนส (Allinase)
• แร่ธาตุต่าง ๆ ได้แก่ แคลเซียม (Calcium) ธาตุเหล็ก (Iron) และที่สำคัญคือ เซเลเนียม (Selenium)

ซึ่งสารประกอบดังกล่าวล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้กระเทียมมีคุณประโยชน์ ทั้งช่วยป้องกันโรคหัวใจและช่วยลดระดับไขมันในเลือด โดยจะช่วยทำหน้าที่ลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดรวมและคอเลสเตอรอลชนิด LDL ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยสารเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวให้มีการสร้างเม็ดเลือดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นยาปฏิชีวนะประจำตัวที่คอยช่วยในการรักษาโรคต่าง ๆ

คุณประโยชน์ของน้ำมันกระเทียม

• ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
  เนื่องจากกระเทียมมีส่วนช่วยในการลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการอุตัดของเส้นเลือด และนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจ มีงานวิจัยพบว่าสารประกอบซัลเฟอร์ในกระเทียม โดยเฉพาะอัลลิซินมีความสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดรวม และแอล-ดี-แอลคอเลสเตอรอล (LDL-cholesterol) ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี
• ลดสภาวะความดันโลหิตสูง
  โดยกระเทียมสามารถช่วยลดค่าความดันโลหิตทั้งค่าบน (Systolic Blood Pressure) และค่าล่าง (Diastolic Blood Pressure)
• ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
  การมีไขมันสะสมที่หลอดเลือดมากเกินไป จนก้อนไขมันเกิดการแตกตัว จะเกิดการกระตุ้นให้เกิดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด เพื่อปิดไม่ให้ก้อนไขมันกระจายออก ทำให้หลอดเลือดเกิดการอุดตัน และอาจส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเฉียบพลันหรือสมองขาดเลือก นำไปสู่โรคอัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้ และเนื่องจากกระเทียมมีคุณสมบัติในการลดไขมันในหลอดเลือด จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการเกาะตัวของเกล็ดเลือดได้เช่นกัน
• เสริมสร้างภูมิต้านทานและลดภูมิแพ้
  เนื่องจากในกระเทียมมีสารสำคัญชื่อ อัลลิซิน ซึ่งสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว เช่น Macrophaqes และ T-lymphocyte ปริมาณมากขึ้น ซึ่งเซลล์เหล่านี้เป็นตัวการสำคัญในการต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานและสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้กระเทียมยังมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ซึ่งเปรียบเสมือนนยาปฏิชีวนะที่คอยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในทางเดินหายใจ ที่ก่อให้เกิดโรคหวัดหรืออาการเกิดอักเสบได้อีกด้วย